-
Michel_stang โพสต์เมื่อ 30-05-2014 01:54 น.
Moderator Level4
โพสทั้งหมด 141
Killzone: Mercenary
แม้ว่าเจ้าเครื่อง PS Vita จะมี Analog Stick มาให้ตั้ง 2 อัน ซึ่งทำให้ตัวเครื่องนั้นน่าจะเป็นเครื่องพกพาที่ดีที่สุดสำหรับเกม FPS ก็ตามที แต่อย่างที่รู้กัน เกมอย่าง Resistance Burning Skies และ Call of Duty Black Ops Declassified นั้น ทำให้แฟนๆ หลายๆ คนอาจจะต้องผิดหวังกันไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นระบบการควบคุมที่น่ารำคาญ กราฟิกที่ดูเหมือนทำมาส่งๆ ให้เสร็จงานไป เนื้อเรื่อง Campaign ที่สั้นจนน่าผิดหวัง เล่นจบได้ไม่ถึง 1 ชม. เป็นต้นเพื่อพิสูจน์ว่าเกม FPS ดีๆ ก็ยังทำบน PS Vita ได้ คราวนี้ Sony จึงขุดเอาเกมที่ประกาศในงานเปิดตัวเครื่อง อย่าง Killzone ส่งมาแก้ตัวใหม่ แต่ว่าเกมนี้จะสามารถคลี่คลายวิกฤติแห่งศรัทธาได้หรือไม่ คงต้องมาดูกันครับ
กราฟิก เรียก ได้ว่าเป็นจุดเด่นของเกมนี้เลยจริงๆ ทั้งโมเดลตัวละคร ฉาก แสงเงา แสงสะท้อนทั้งหลายทำออกมาได้ดีมาก บางฉากก็ทำให้อึ้งเหมือนกันว่า เครื่องมันรันไหวด้วยเรอะ ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบจากความทรงจำก็สวยกว่า Uncharted Golden Abyss สมกับที่ทีมงานพูดไว้ว่าใช้เอนจิ้น Killzone 3 จริงๆ อย่างไรก็ตามเฟรมเรทจะมีดรอปบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะนิ่ง และโดยเฉพาะโหมด Multiplayer นี่เล่นได้ลื่นๆ เลย
การบังคับ ส่วน ตัวเรื่องการวางปุ่มก็เหมาะสมดี เกมนี้ถึงจะมีระบบ Touch ไม่ได้เน้น Touch จนน่ารำคาญ เท่าที่เห็นคือใช้แค่ตอนทำ QTE หรือกดตรงมุมขอบจอเพื่อเปลี่ยนอาวุธเท่านั้น แต่ส่วนนี้เสียอย่างเดียวคือ Sensitivity ของ Analog มันแอบต่ำไปหน่อย แม้จะปรับสุดแล้วก็ตามที
โหมด Campaign เนื้อเรื่องไม่ได้เด่นมาก ความสัมพันธ์ของตัวละครไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่ แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไร ตัวเกมมีอยู่ 9 ฉาก ฉากนึงใช้เวลาเล่นประมาณ 30-60 นาที โดยรวมแล้วหากเล่นแบบลุยๆ (รวมเวลาตาย ด้วย) สามารถเล่นจบได้ในเวลาประมาณ 6-7 ชม. ซึ่งก็ถือว่าน้อยไปนิด
อย่างไรก็ตามตัวเกม ได้นำเสนอระบบ Contract เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมโหมด Campaign อีกครั้งโดยจะมี Objective ที่แตกต่างกันไปมาเพื่อท้าทายผู้เล่นที่ผ่านการเล่นแบบธรรมดามาแล้ว เช่น เล่นแบบลอบเร้น เล่นแบบแรมโบ้ ฯลฯ ซึ่งโหมดนี้เองก็ทำให้ตัวเกมเล่นได้นานมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย เพราะทำให้ผู้เล่นต้องวางแผนการเล่นใหม่ ยกตัวอย่างเช่นภารกิจลอบเร้น ผู้เล่นอาจจะไม่สามาถบุกไล่ยิงศัตรูแบบตรงๆ ได้เหมือนที่เล่นคราวก่อนได้ อาจต้องหาเส้นทางใหม่ เพื่อลอบเข้าข้างหลังเอามีดจ้วงศัตรูแบบไม่ให้โดนจับได้แทนและเนื่องจากในโลกของ Killzone Mercenary เราจะรับบทเป็นทหารรับจ้าง แน่นอนจะต้องมีเงินเข้ามาเกี่ยวด้วย โดยกิจกรรมทุกอย่างที่เราทำ ทั้งในโหมด Campaign และ Multiplayer จะแปลงเป็นตัวเงินทั้งหมด ไม่ว่า การฆ่า ยิง Headshot ฆ่าตัวตาย ฯลฯ ก็ตีเป็นตัวเงิน ซึ่งตัวเงินนี้ไม่ว่าเล่น Mutiplayer หรือ Campaign จะ Sync กันหมด เราสามารถเอาเงินที่ได้มาไปจับจ่ายใช้สอยซื้ออาวุธที่เหมาะสมกับแนวการเล่น ของตัวเราใน Multiplayer หรือจะซื้ออาวุธให้เหมาะสมกับการเล่น Campaign เพื่อให้สามารถเล่นฉากนั้นได้ง่ายขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในตัวเกมนี้ก็คือ ระบบ Van-guard โดยตัว Van-guard นี้เรียกง่ายๆ คืออุปกรณ์ช่วยสนับสนุน มีทั้งจรวดโรมมิ่ง อุปกรณ์พรางตัว โดรนสนับสนุนทางอากาศ เกราะบาเรีย ฯลฯ ซึ่งการเลือกใช้ Van-guard แต่ละตัวจะมีผลอย่างมากต่อเกมเพลย์ด้วย บางตัวนี่ช่วยทำให้เล่นโหมด Campaign ได้ง่ายขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว
สำหรับ AI นั้น คิดว่าน่าจะเหมือน Killzone 3 ซึ่งดูผ่านๆ เหมือนจะโอเค มีการหลบ กระจายกำลัง แต่ในบางกรณี เช่น ลอบเข้าไปด้านหลังแล้วชน AI เหมือนจะไม่รู้ว่ามีใครกำลังคอยจ้วงด้านหลังมันอยู่
สิ่งที่นึกขึ้นมาได้ว่าน่าติอีกนิดนึงคือ เรื่อง Checkpoint ถ้าดันเกิดออกจาก Campaign หลังจากเล่นฉากนึงไปได้ซักพักแล้ว อย่าหวังจะได้กลับไปเล่น ณ Checkpoint สุดท้ายที่เราเจอ เพราะคุณต้องเล่นใหม่ทั้งหมดครับ
อย่างไรก็ตามในเรื่อง Multiplayer ก็ยังมีจุดที่ติอยู่บ้าง คือในเกมเวลาตายแล้วเวลาเกิดขึ้นมาใหม่ บางทีเกิดใหม่กลางดงศัตรูเลยก็มี ก็หวังว่าในอนาคตทีมงานจะแก้ตรงจุดนี้บ้าง ส่วนจุดสังเกตก็มีตรงที่เกม Killzone Mercenary นั้นไม่มีระบบ Class และ Abilities เหมือนเกมภาคหลัก ซึ่งเข้าใจว่าคงเพราะเป็นเกมพกพาเล่นได้แค่ 8 คน และโดนระบบ Van-guard มาแทนที่นั่นเอง (มั้ง) ครับ
สรุป 8.5/10 ในแง่เกมพกพาแล้ว ต้องบอกว่ากราฟิกเยี่ยม เนื้อเรื่อง Campaign โอเคพอใช้ได้ แต่แอบสั้นไปหน่อย Multiplayer สนุก ใครมี PS Vita และชอบ FPS อยู่แล้ว ขอบอกว่าดีกว่าเกม FPS ที่ออกมาก่อนหน้ามาก สามารถซื้อไว้ เล่นได้ยาวๆ เลย